วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

4 กลไกขับเคลื่อนคุณภาพแบบ TQM ที่องค์กรธุรกิจของคุณต้องมี!

ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันสูงเช่นนี้ "คุณภาพ" ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือ "ความได้เปรียบที่ยั่งยืน" เมื่อสัปดาห์ที่แล้วในระหว่างการฝึกอบรม ผมมีโอกาสได้พูดถึง TQM (Total Quality Management) และหัวใจสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ "ช่องทางการบริหารเพื่อส่งเสริมคุณภาพ" (TQM Promotion Vehicles) .

กลไกทั้ง 4 นี้ คือ ระบบปฏิบัติการ ที่ทำให้แนวคิดคุณภาพถูกถ่ายทอดจากห้องประชุมผู้บริหารไปถึงสายการผลิต และตลอดทั้งซัพพลายเชน และย้อนกลับมาที่การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์อีกครั้ง มาดูกันครับว่าแต่ละกลไกสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้อย่างไร

ภาพที่เราเห็นกันด้านบน แสดงให้เห็นว่าการบริหารคุณภาพ ไม่ได้มีแค่รูปแบบเดียว แต่ต้องใช้ 4 กลไกสำคัญ ที่ทำงานสอดประสานกันเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ "ความเป็นเลิศด้านคุณภาพ"


1. 🟥 Policy Management: การเปลี่ยนวิสัยทัศน์สู่การปรับปรุงเชิงกลยุทธ์

ผลลัพธ์ทางธุรกิจ: การเติบโตแบบก้าวกระโดด (Breakthrough Improvement) และการบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์

ในภาคธุรกิจ การบริหารช่องทางนี้คือเครื่องมือที่เชื่อมโยง "สิ่งที่ผู้บริหารอยากเห็นใน 3-5 ปีข้างหน้า" ให้กลายเป็นการปฏิบัติงานในวันนี้

  • เน้นที่: Hoshin Kanri (การบริหารเข็มทิศทิศทาง) เป็นการตัดสินใจว่าจะ "ไม่ทำ" อะไรที่ไม่สำคัญ และ "ทุ่มเท" ทรัพยากรไปกับการปรับปรุงใหญ่ เช่น การเข้าสู่ตลาดใหม่ การลดต้นทุนการผลิตที่ไม่สร้างมูลค่า (Non-Value Added Cost) 30% หรือการลดระยะเวลานำ (Lead Time) ในการส่งมอบ

  • บทบาทสำคัญ: กำหนดเป็น "นโยบายประจำปี" (Annual Policy) ที่ชัดเจน และมีการ "Catchball" (การโยนและรับเป้าหมายระหว่างระดับ) เพื่อให้ผู้บริหารระดับกลางรับไปแตกแผนงาน และผู้บริหารระดับสูงติดตามผลการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์อย่างใกล้ชิด

  • ตัวแบบการดำเนินงาน : PDCA (Plan > DO > Check > Act) โดยเป็นกระบวนการจัดการเพื่อพาองค์กรไปสู่เป้าหมายที่ต้องการในอนาคตแบบก้าวกระโดดจากสภาพเดิมๆ


2. 🟦 Daily Management: การสร้างเสถียรภาพและลดความผันผวนของธุรกิจจากการปฏิบัติประจำวัน

ผลลัพธ์ทางธุรกิจ: ความสม่ำเสมอของคุณภาพ (Consistency) และความเชื่อมั่นของลูกค้า

ในมุมมองธุรกิจ Daily Management คือการสร้าง "ความน่าเชื่อถือ" ให้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ เป็นการบริหารเพื่อ "ควบคุมสิ่งที่คงที่ให้คงเส้นคงวา" เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์เดียวกันทุกครั้ง (หากเปรียบเทียบกับระบบมาตรฐานการทำงานปัจจุบัน ก็น่าจะเป็น มาตรฐาน ISO 9001 นั้นเอง) โดย

  • เน้นที่: Standardization (การกำหนดมาตรฐาน) และ Control (การควบคุม) โดยใช้ตัวชี้วัดหลัก ๆ ของกระบวนการ (Process KPIs) หากตัวชี้วัดเหล่านี้หลุดจากมาตรฐาน (Out of Control) ทีมงานต้องมี Standard Response (การตอบสนองมาตรฐาน) เพื่อแก้ไขปัญหาทันที

  • ความสำคัญ: การบริหารงานประจำวันที่เข้มแข็งทำให้องค์กรสามารถ "รักษากำไร" ได้อย่างสม่ำเสมอ เพราะช่วยลดต้นทุนที่เกิดจากความผิดพลาด (Cost of Poor Quality - COPQ) เช่น การรับประกันสินค้า การแก้ไขงาน หรือการสูญเสียลูกค้า

  • ตัวแบบการดำเนินงาน : SDCA (Standard > DO > Check > Act) โดยเป็นกระบวนการรักษามาตรฐานการทำงานที่ดีให้คงไว้ในองค์กร หรือมีการปรับปรุงการทำงานเล็กๆน้อยๆ อย่างต่อเนื่อง


3. 🟪 Cross Functional Management: ส่งมอบคุณค่า (Value) ที่ไร้รอยต่อ

ผลลัพธ์ทางธุรกิจ: การลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มความเร็วในการตอบสนองตลาด

ปัญหาใหญ่ในองค์กรธุรกิจคือการทำงานแบบ "ไซโล" (Silo) ช่องทางนี้จึงเป็นกลไกสำคัญในการบริหาร "กระบวนการแนวนอน" เพื่อให้มั่นใจว่าตั้งแต่การรับวัตถุดิบจนถึงมือลูกค้า คุณภาพเป็นไปตามข้อกำหนดในทุกจุด

  • เน้นที่: การบริหารจัดการห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain Management) ในเรื่องที่ต้องอาศัยการตัดสินใจร่วมกัน เช่น:

    • การจัดการต้นทุนรวม (Total Cost Management): ต้องประสานงานระหว่างฝ่ายจัดซื้อ การผลิต และการเงิน

    • การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ (New Product Introduction - NPI): ต้องประสานงานระหว่าง R&D การตลาด และการผลิต เพื่อให้สินค้าเปิดตัวได้รวดเร็วและตรงตามความต้องการของลูกค้า

    • การจัดการปัญหา และมุ่งสู่ความสำเร็จร่วมกัน : โดยต้องประสานงานทุกๆฝ่าย ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดการปัญหา หรือยกระดับการทำงานขององค์กรไปสู่ความสำเร็จด้วยการทำงานร่วมกัน เช่น ในปัจจุบันหลายองค์กรก็มุ่งเน้นไปที่การลดการปลดปล่อยคาร์บอน เป็นต้น

  • ความสำคัญ: ช่วยให้องค์กร "คล่องตัว" (Agile) สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้เร็วขึ้น โดยการกำจัดความล่าช้าที่เกิดจากการส่งต่อข้อมูลระหว่างแผนก มุ่งสร้างการทำงานที่เป็นทีม 


4. 🟩 Bottom-up Activity: ปลุกพลังพนักงานให้กลายเป็นนักปรับปรุง

ผลลัพธ์ทางธุรกิจ: การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานอย่างต่อเนื่องและการสร้างวัฒนธรรมองค์กรแห่งการเรียนรู้

นี่คือการใช้ "ภูมิปัญญา" ของพนักงานหน้างาน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในงานของตนเอง ให้กลายเป็นแหล่งข้อมูลและแหล่งกำเนิดของการปรับปรุงเล็ก ๆ น้อย ๆ

  • กิจกรรมตัวอย่างที่สร้างมูลค่า:

    • QCC (Quality Control Circle): ทีมพนักงานร่วมกันแก้ไขปัญหาเล็ก ๆ ที่ส่งผลต่อต้นทุน เช่น การลดเวลาเปลี่ยนโมลด์ (Setup Time Reduction)

    • 5ส: ไม่ใช่แค่การจัดระเบียบ แต่คือรากฐานของการทำงานแบบมีวินัย เพื่อ ลดการค้นหา และ เพิ่มความปลอดภัย ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) โดยตรง

    • ระบบข้อเสนอแนะ (Suggestion System): ระบบที่เปิดโอกาสให้พนักงานเสนอแนวคิดเพื่อปรับปรุงงาน

  • ความสำคัญ: การมีส่วนร่วมจากระดับปฏิบัติการทำให้เกิด "การปรับปรุงที่ประหยัดต้นทุน" และสร้างขวัญกำลังใจ (Engagement) ให้พนักงานรู้สึกเป็นเจ้าของกระบวนการ


🔑 สรุป: ความสมดุลคือหัวใจของความสำเร็จ

การบริหารองค์กรให้มีคุณภาพและยั่งยืนนั้น ไม่สามารถพึ่งพาช่องทางใดช่องทางหนึ่งได้ แต่ต้องใช้ทั้ง 4 ช่องทางนี้ควบคู่กันไปอย่างสมดุล:

  • Policy Management เป็นแรงผลักดันจากบนลงล่าง เพื่อกำหนดทิศทางและสร้างการเปลี่ยนแปลงใหญ่

  • Daily Management เป็นการควบคุมและรักษาสภาพ เพื่อสร้างความมั่นคงและประสิทธิภาพในงานประจำ

  • Cross Functional Management เป็นการเชื่อมโยงการทำงานในแนวนอน เพื่อให้กระบวนการไหลลื่นและมีคุณภาพในทุกจุด

  • Bottom-up Activity เป็นพลังจากล่างขึ้นบน เพื่อสร้างการปรับปรุงเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างต่อเนื่องและสร้างการมีส่วนร่วม

ภาพผังองค์กรด้านบนแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างช่องทางการบริหารและระดับการบริหารที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน ผู้บริหารระดับสูง จะดูแล Policy Management, ผู้บริหารระดับกลาง ดูแล Daily Management, และ ระดับปฏิบัติการ ขับเคลื่อน Bottom-up Activity โดยมี Cross Functional Management เชื่อมโยงทุกระดับและทุกฟังก์ชันเข้าไว้ด้วยกัน.

หากขาดช่องทางใดไป องค์กรก็จะไม่สามารถรักษาเสถียรภาพ (Daily) พร้อม ๆ ไปกับการเติบโตแบบก้าวกระโดด (Policy) ได้อย่างยั่งยืน หรืออาจขาดการประสานงานที่ดีและการขับเคลื่อนจากพนักงาน


🔥 คำถามสำหรับเจ้าของธุรกิจและผู้บริหารทุกท่าน: คุณมั่นใจแล้วหรือยังว่ากลไกทั้ง 4 ขององค์กรคุณทำงานสอดประสานกันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ?
จากประสบการณ์การตรวจอุตสาหกรรมดีเด่นมาหลายปี พบเห็นว่า Paint Point หนึ่งที่ทำให้กิจการนั้นๆ พลาดรางวัล ก็คือการทำงานแบบ "Silo Management" นั้นเอง


ผมหวังว่าฉบับนี้จะตอบโจทย์การนำไปใช้ในบริบทภาคธุรกิจของคุณได้ดียิ่งขึ้นนะครับ คุณอยากให้ผมหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือทางธุรกิจที่ใช้กับ Policy Management (เช่น Hoshin Kanri) หรือไม่ครับ?

หากคุณมีคำถามหรือต้องการแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับการขับเคลื่อนคุณภาพแบบ TQM  สามารถแสดงความคิดเห็นไว้ด้านล่างได้เลยครับ

หากคุณต้องการความช่วยเหลือเพื่อขับเคลื่อนองค์กรของคุณ โดยการประยุกต์ใช้ปรัชญาการดำเนินงานแบบ TQM นำ เราพร้อมเป็นที่ปรึกษาและผู้จัดฝึกอบรมให้กับคุณ 

สามารถติดต่อเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้:

  • โทร: 081-8476479

  • LINE ID: naitakeab

  • Email: rightway.mgt@gmail.com

หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา:

4 กลไกขับเคลื่อนคุณภาพแบบ TQM ที่องค์กรธุรกิจของคุณต้องมี!

ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันสูงเช่นนี้ "คุณภาพ" ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือ "ความได้เปรียบที่ยั่งยืน"  เมื่อสัปดาห์ที่แล้วในระ...